เมื่อวีซ่าได้รับการอนุมัติแล้วจากที่ผมเคยอ่านหนังสือท่องเที่ยวญี่ปุ่นมา เค้าบอกว่าสามารถที่จะหาข้อมูลการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มเติมได้ที่ องค์การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น (Japan National Tourism Organization) โดยที่สำนักงานดังกล่าวจะมีเอกสารการท่องเที่ยวญี่ปุ่นไว้ให้บริการมากมาย เรื่องฟรีๆ อย่างนี้มีเหรอคนอย่างผมจะพลาด ไม่ได้งกนะ แต่รู้จักใช้เงิน ดังนั้นเมื่อผมได้วีซ่าเข้าญี่ปุ่นแล้ว ผมจึงไม่รีรอที่จะเข้าไปหาข้อมูลที่องค์การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ ณ อาคารรามาแลนด์ เดินทางอาคาร สีลมคอมเพล็กซ์ไปไม่ไกลหรอกคัรบ วิธีการไปก็ง่ายมาก เดินเลาะจากมุมถนนสีลมฝั่งร้านแมคไปเรื่อยๆ หน้าตึกก็จะมีช้าง 2 เชือกอยู่ครับ จากนั้นก็เดินเข้าไป ด้านประตูที่เรียนว่ารามาแลนด์ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะเห็นร้านขายดอกไม้ และบริษัท JTB ที่บริษัทนี้แหละครับที่เราสามารถซื้อ JR Rail Pass ได้ ผมว่าอย่าเพิ่งพูดกันเรื่อง JR Rail Pass เลยนะ เพราะผมคงก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนเลย รู้อย่างเดียวว่าไปไหนก็ได้เอาให้คุ้ม ก่อนขึ้นลิฟท์อย่าลืมแลกบัตรนะครับ องค์การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นอยู่ชั้น 19 ครับ พอขึ้นไปก็เหมือนเล่นเกมเขาวงกตครับ แต่ไม่ต้องกลัวหลงมีป้ายบอกตลอดทาง ข้างในองค์การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมีเอกสารแจกฟรี ใครใคร่จะเที่ยวแถวไหนก็หยิบเอกสารได้ตามชอบครับ แต่ถ้าต้องการจะปรึกษากับเจ้าหน้าที่ก็คงจะต้องมาติดต่อช่วงเช้าครับ พอดีว่าผมไปช่วงบ่ายก็เลยได้แต่หยิบเอกสารมาศึกษาเอง
ผมใช้เวลากว่า 1 ปีในการหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ การเดินทางรวมถึงอาหารการกิน แต่มาจนถึงวันนี้แล้วผมเองก็ยังรู้สึกว่ายังไม่รู้อะไรมากเท่าไหร่สำหรับประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งในฝันของใครหลายๆ คนรวมถึงผมด้วย เมื่อก่อนนี้ก็มีโอกาสไปเที่ยวไปประเทศใกล้ๆ อย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง การเตรียมตัวก็คงไม่มีอะไรมาก แต่นี่ไปญี่ปุ่นครับ ขีดเส้นใต้ “ญี่ปุ่น” เมืองที่ได้ชื่อว่าค่าครองชีพแพงติดอันดับของโลก ถ้าผมไม่ทำการบ้านเลยคงกระเป๋าฉีกแน่ๆ แต่ก็ยังไม่มั่นใจครับว่าไปจริงๆ แล้วกระเป๋าจะฉีกหรือป่าว หลายคนที่ไปแล้วบอกว่าญี่ปุ่นมีของที่น่าซื้อหลายอย่าง ต้องใจแข็งมากๆ ไอ้ผมมันก็คนใจไม่ง่าย แต่จ่ายไม่ยากซะด้วย
ถ้าถามว่าพูดถึงญี่ปุ่นแล้วนึกถึงอะไร ในความคิดผู้ใหญ่อย่างผมก็คงไม่พ้น..โตเกียวดีสนีย์แลนด์ครับ ไม่ใช่เป็นเฒ่าทารกนะ แต่ผมเชื่อว่าครั้งนึงตอนที่ทุกคนเป็นเด็กก็ฝันอยากไปสวนสนุกกันทั้งนั้น ย้อนอดีตวันไหนที่เราจะได้ไปเที่ยวแดนเนรมิตรสิครับ (น้องๆ รุ่นใหม่ๆ คงเกิดไม่ทันหรอก) มันตื่นเต้นขนาดไหน วันนี้ที่ผมรู้สึกว่าจะได้ไปเที่ยวโตเกียวดีสนีย์แลนด์ก็คงรู้สึกไม่แตกต่าง
นอกจากไปสวนสนุกแล้ว สิ่งหนึ่งที่คงหาจากบ้านเราไม่ได้คือ หิมะ ครับ เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยเห็นของจริงเลย ก็กะว่าคราวนี้คงจะนั่งรถไฟไปเรื่อยๆ เห็นหิมะเมื่อไหร่ ลงเมือนั้น ก็คนมันไม่เคยเห็นนิครับ ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่เมืองร้อนถึงร้อนมากมาตลอด เมื่อพูดถึงหิมะแล้วก็นึกถึงการแช่น้ำพุร้อน ว้าว! ไม่ต้องบรรยายนะว่าต้องทำอย่างไงบ้างเวลาลงแช่น้ำพุร้อน ผมก็พร้อมมากๆ อ่ะครับ
1 ปีที่ผ่านมา ผมหาข้อมูลจากหนังสือท่องเที่ยวหลายเล่มอ่านทั้งไทยและเทศก็ว่าได้ ต้องขอบคุณนักเขียนที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผม ทุกคนช่างเก่งกาจอาจหาญกันจริงๆ ครับ บางคนใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยเงินที่ไม่ถึงพันบาทต่อวัน มันจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายผมมาก ไปคนเดียวนิครับ อย่างไงก็ต้องรับผิดชอบปากท้องตัวเอง
อีกเว็ปไซต์นึงที่จะสามารถทำให้เราเข้าใจญี่ปุ่นมากขึ้นก็คงไม่พ้นเว็ปขององค์การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น (http://www.yokosojapan.org/) รายละเอียดดีมาก ทำให้เราสามารถเข้าใจญี่ปุ่นในภาพรวมๆ ได้ ได้รู้ว่าที่ญี่ปุ่นมีที่เที่ยวที่ไหนที่คนอื่นๆ เค้าไปกันบ้าง อย่างไงก็ลองเข้าไปอ่านกันดูนะครับ รับรองจะติดใจ
ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงหน้าหนาวของญี่ปุ่นครับ อากาศเท่าที่อ่านในหนังสือหรือเว็บไซต์ก็น่าจะประมาณเลขหลักเดียว ก็ยังดีครับ ดีกว่ามีเครื่องหมายลบข้างหน้า การเตรียมตัวเที่ยวหน้าหนาวที่ญี่ปุ่นคงต้องเตรียมเสื้อผ้าอย่างหนา แต่ก็ไม่รู้จริงๆ ครับว่าต้องหนาขนาดไหนถึงจะอุ่นพอ เพื่อนๆ หลายคนขู่ผมต่อว่าต้องเตรียมถุงมือและหมวกแบบในซีรีย์เกาหลีด้วย ว้าว คิดไม่ออกเลยว่าตัวเตี้ยๆ อย่างผมเวลาใส่แบบในหนังแล้วจะออกมาทุกเรศทุรังขนาดไหน
พูดถึงการวางแผนท่องเที่ยวของผมก็คงไม่มีอะไรโลดโผนนัก เวลาท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นของผม 8 วัน 7 คืน หักกลบลบวันที่เดินทางออก ผมก็จะเหลือ 6 วัน 7 คืนครับ แน่นอนว่าคืนวันที่ 31 ธันวาคม ผมคงต้องไปร่วมกับงาน Countdown (แล้วจะกลับโรงแรมถูกไหมเนี่ย) สถานที่อื่นๆ ที่อยากไปก็คงอย่างที่ผมได้วาดฝันได้ 1 วันเต็มๆ สำหรับโตเกียวดีสนีย์แลนด์, 1 วันดีสนีย์ซี, 1 วันไปไหนก็ได้ที่ได้เห็นหิมะ อย่างที่ผมบอกไปเรื่อยๆ เจอหิมะเมื่อไหร่ก็ลงเมื่อนั้น ถ่ายรูปให้หน้ำใจแล้วกลับมาหาบ่อน้ำพุกร้อนแช่ บ้าไปไหมเนี่ย!, 1 วันสำหรับนั่งรถไฟชมความงามไปเรื่อยๆ อาจจะไปถึง ฟูกูโอกะ เลยก็ได้ เพราะว่าใช้เวลาแค่ 4 ชั่วโมงจากโตเกียว (อันนี้แค่คิดนะ ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้ขนาดไหน) คาดว่าวันนี้คงเป็นวันที่ใช้ตั๋ว JR Rail Pass ได้คุ้มที่สุด ที่เหลือยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปไหนดี หรือว่าจะไปเกียวโตอีกรอบ ไปได้อยู่แล้วนิ ก็ใช้ตั๋ว JR Rail Pass เค้าบอกว่าจะขึ้นรถไฟ Shinkansen กี่รอบก็ได้
นอกจากเรื่องเที่ยวแล้ว เรื่องอาหารการกินก็คงเป็นอีกเรื่องที่ใฝ่ฝันไว้ ว่าไปแล้วอาหารญี่ปุ่นที่ผมชอบๆ ก็มีหลายอย่างนะครับ ทั้ง กุ้งเทมปุระ ข้าวปั้น ปลาดิบ แล้วก็โซบะ อุ๊ย! พูดแล้วหิวอ่ะ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ญี่ปุ่นจะรสชาติเหมือนบ้านเราหรือป่าว คงต้องหาข้อมูลกันอีกแหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น